วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โลกล้านปีที่แอ่งสกลนคร

โลกล้านปีที่แอ่งสกลนคร
โลกล้านปีที่แอ่งสกลนคร
จริงๆแล้วทุกตารางนิ้วของแผ่นดินเป็นโลกล้านปีทั้งหมด ไดโนเสาร์ก็เดินเพ่นพ่านไปทั่วโลกไม่จำกัดบริเวณแห่งใดแห่งหนึ่ง แต่ที่มีการค้นพบมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศนั้นๆ เช่น รัฐเทคซัส สหรัฐอเมริกา มีซากฟอสซิลอยู่ใต้พื้นดินตื้นๆ หลายแห่งเกลื่อนกลาดตามผิวดินจนลานตาไปหมดจนแทบจะเอามาขว้างหัวเล่น ที่เกาะทัสมาเนีย ตอนใต้ของประเทศออสเตเรีย มีซากฟอสซิลสัตว์และพืชในทะเลจากยุค “เปอร์เมี่ยน” ซึ่งเคยเป็นทะเลตื่นๆ เมื่อ 300 ล้านปี กระจัดกระจายตามข้างถนนใครอยากได้ก็ไปเก็บเอาตามใจชอบ
 
แอ่งสกลนคร คืออะไร
แอ่งสกลนคร เป็นชื่อทางวิชาการทางธรณีวิทยา หมายถึงแผ่นดินที่อยู่ระหว่างแม่น้ำโขง กับเทือกเขาภูพาน ประกอบด้วยจังหวัดสกลนคร นครพนม มุกดาหาร อุดรธานี และหนองคาย แต่ถ้ามองภาพรวมทั้งภาคอีสานเราเรียกพื้นที่นี้ว่า “ที่ราบสูงโคราช” ประกอบด้วยแอ่งสกลนคร และแอ่งโคราช แผ่นดินทั้งหมดนี้เคยเป็นทะเลมาก่อนใน “มหายุคพาเลโอโซอิก” ราว 300 ล้านปี และถูกดันขึ้นมาเป็นแผ่นดิน “มหายุคมีโซโซอิก” ราว 245 – 65 ล้านปี ไดโนเสาร์ชนิดต่างๆล้วนเกิดขึ้นในมหายุคนี้ โดยแบ่งออกเป็น ระยะ ได้แก่ ยุคไทรแอสซิก ยุคจูแรสซิก และยุคครีเทเซียส จากการศึกษาทางธรณีวิทยาพบว่าพื้นที่แอ่งสกลนครน่าจะเกิดขึ้นในยุค “ครีเทเซียส” ราว 120 ล้านปีที่แล้ว

 
 
 
 
 
รอยเท้าไดโนเสาร์บนพื้นหินทรายตามภาพนี้ พบที่ริมถนน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ไม่ห่างจากแม่น้ำโขงเท่าไหร่ การเกิดรอยเท้าแบบนี้มีโอกาสน้อยกว่าหนึ่งในล้านเพราะต้อง  บังเอิญจริงๆ จำลองเหตุการณ์ได้ดังนี้ ไดโนเสาร์ลงไปเดินในพื้นดินนุ่มๆที่ริมแม่น้ำ ทำให้เกิดรอยเท้าในพื้นดินและทันใดนั้นก็มีตะกอนของแม่น้ำมาทับถมรอยเท้า นานๆเข้าตะกอนดินก็ทับถมหนาขึ้นจนรอยเท้าจมอยู่ใต้ดินลึก ร้อยล้านปีต่อมาทั้งหมดกลายเป็นหินและถูกดันขึ้นมาบนพื้นดินในยุค "เทอเชียรี่" (ตอนต้นของมหายุคซีโนซีอิก) ประมาณ 50 ล้านปีที่แล้ว ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้รับงบประมาณยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว  
 
 
 
 
 
 
 
 
ฟอสซิลไดโนเสาร์เกิดขึ้นได้อย่างไร
จริงๆแล้วฟอสซิลไม่ใช่กระดูก แต่เป็นแร่ธาตุที่ซึมเข้าไปแทนที่กระดูกทำให้กลายเป็นหิน การเกิดฟอสซิลนั้นยากมากโอกาศเพียงหนึ่งในล้าน เพราะทันทีที่ไดโนเสาร์ตายร่างของมันต้องตกลงไปในน้ำ ส่วนที่เป็นเนื้อถูกกัดแทะโดยสัตว์ต่างๆหรือเน่าเปื่อยตามธรรมชาติ ขณะที่ตะกอนของน้ำก็ทยอยทับถมร่างนั้นให้จมลึกลงไป นานๆเข้าแร่ธาตุที่อยู่ในตะกอนดินจะค่อยๆซึมเข้าไปในกระดูกจนทำให้กลายเป็นหิน ดังนั้น หากเอาฟอสซิลมาเปรียบเทียบกับกระดูกจะเห็นความต่างชัดเจน กระดูกมีรูพรุนมากมาย แต่ฟอสซิลเป็นเนื้อแน่นไม่มีรูพรุน มีน้ำหนักเหมือนหิน ถ้าพูดกันตรงๆก็เป็นหินดีๆนี่แหละ ฟอสซิลเหล่านี้ถูกฝังลึกอยู่ใต้ดิน นานนันร้อยล้านปี ต่อมาใน “มหายุคซีโนเซอิก” ราว 60 – 50 ล้านปีที่แล้ว แผ่นดินถูกดันขึ้นมาเป็นภูเขาทำให้ฟอสซิลบางส่วนขึ้นมาอยู่ตื้นๆตามเนินเขา และถูกน้ำกัดเซาะจนโผล่ให้เห็นตามผิวดิน สังเกตได้ว่าจุดที่พบฟอสซิลมักจะเป็นบริเวณเนินเขา  
 
 ตามหา “ฟอสซิล” ที่จังหวัดสกลนคร
            เมื่อพูดถึงฟอสซิลใครๆก็นึกถึงพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่กาฬสินธุ์ และอำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ในความเป็นจริงจังหวัดสกลนครก็เต็มไปด้วยสิ่งเหล่านี้เพียงแต่ยังไม่ได้มีการค้นหาอย่างจริงๆจังๆ ดังนั้น ทีมงาน “พยัคฆ์ภูเพ็ก” ซึ่งประกอบด้วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น วิศวกรในร่างของฤาษีเอก อมตะ นายแพทย์ นักพิภพวิทยา และศิลปินเพื่อชีวิต จึงต้องรับอาสาทำหน้าที่นี้ไปพลางๆก่อน จนกว่าจะได้ผู้เชี่ยวชาญด้าน “บรรพชีวินวิทยา” ตัวจริงเสียงจริงเข้ามาเทกโอเว่อร์ภารกิจนี้อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามแม้ว่าสมาชิกทีมงานจะไม่ได้ร่ำเรียนวิชาบรรพชีวินวิทยาโดยตรง แต่หลายคนก็จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ มีข้อมูลด้านชีววิทยา ฟิซิกส์ เคมี และธรณีวิทยา อยู่พอสมควร จึงพอที่จะนำข้อมูลมาให้แฟนๆของคอลั่มนี้ได้สัมผัสแบบถ่ายทอดสด
           ทีมงานได้รับทราบจากผู้นำท้องถิ่นว่าบริเวณเชิงเขาใกล้ๆปราสาทภูเพ็กมีฟอสซิลไดโนเสาร์อยู่หลายแห่ง มีคนเคยมาเก็บไปขายเพื่อทำมวลสาร “จาตุคาม” เมื่อทราบเช่นนี้จึงได้รีบรุดไปดูสถานที่ดังกล่าวทันที เมื่อไปถึงพบว่าภูมิประเทศเหมาะแก่การค้นหาฟอสซิลอย่างมากเพราะเป็นเชิงเขาพื้นที่ลาดชัน มีร่องรอยการกัดเซาะของน้ำอย่างชัดเจน และที่น่าสนใจหินที่พบเป็นหินตะกอนจากยุค “เมโซโซอิก” เข้าสะเป็กของการเกิดฟอสซิล ใช้เวลาไม่นานก็พบฟอสซิลจำนวนหนึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นดิน และฝังตัวอยู่ตื้นๆ แต่เนื่องจากทีมงานไม่ใช่เจ้าหน้าที่ธรณีวิทยา ประกอบกับบริเวณนี้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติภูพาน จึงไม่สามารถที่จะขุดค้นอย่างจริงๆจังๆ ได้แต่ขุดแคะเล็กๆน้อยๆตามซอกหิน และพื้นดินที่สงสัยว่าจะมี แม้ว่าจะยังไม่พบฟอสซิลที่มีรูปร่างทั้งตัวอย่างครบถ้วน แต่ก็ได้หลักฐานยืนยันว่าที่นี่เป็นแหล่งไดโนเสาร์เมื่อร้อยกว่าล้านปีที่แล้วอย่างแน่นอน  
 

   
เป็นที่น่าสังเกตว่า ฟอสซิลอันขวามือสุดมีลักษณะเหมือนซี่โครงมีส่วนที่ป่องออกมาตรงกลาง ตามหลักการแพทย์แล้วนี่คือกระดูกที่เคยหักมาก่อนแล้วเชื่อมต่อภายหลังจึงป่องออกมาตรงรอยต่อ แสดงว่าไดโนเสาร์ตัวนี้อาจจะต่อสู้กันหรือตกลงมาจากที่สูง ทำให้บาดเจ็บกระดูกซี่โครงหัก
   

 
ทีมงานได้พบเขี้ยวไดโนเสาร์พันธุ์กินเนื้อติดอยู่ในก้อนหิน จึงพูดกันเล่นๆว่าไอ้ตัวนี้แหละที่ไปไล่กัดเขาจนกระดูกซี่โครงหัก และในที่สุดมันเองก็พบจุดจบกลายเป็นฟอสซิลเช่นกัน
   
ฟอสซิลชิ้นนี้น่าจะเป็นกระดูกขาหลังท่อนบนที่เรียกว่า "ฟีเม่อร์" ของไดโนเสาร์ชนิดกินเนื้อตัวขนาดกลางๆ



ก็ถือว่าการสำรวจครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เพราะได้ข้อมูลที่เป็นเนื้อเป็นหนังและยืนยันได้ว่าจังหวัดสกลนคร รวมทั้งแอ่งสกลนครทั้งหมดเป็นแผ่นดินที่เคยมีไดโนเสาร์เดินเพ่นพ่าน หาอยู่หากิน ไล่กัดกัน ออกลูกออกหลานสืบเชื้อสายอย่างต่อเนื่อง จนถึงวาระสุดท้ายเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว ทุกอย่างก็ถึงกาลอวสานและสิ้นสุดมหายุคเมโซโซอิกอย่างเป็นทางการ เปิดศักราชใหม่แก่มหายุคซีโนโซอิกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเราๆท่านๆในปัจจุบัน 
สรุปแล้วฟอสซิลไดโนเสาร์มีทั่วโลก เพียงแต่อยู่ลึกอยู่ตื้น บางแห่งก็หาง่ายเพราะอยู่ระดับผิวดิน เช่น แถบทวีปอเมริกาเหนือ และในทะเลทรายมองโกเลีย คนจีนเห็นซากฟอสซิลขนาดใหญ่ในทะเลทรายดังกล่าวเลยจินตนาการว่านี่แหละคือมังกร ภาษาจีนกลางใช้คำว่า "คงหลง" แต่หลายแห่งอยู่ลึกมากจนหาไม่พบ หากทีมงานพบอะไรใหม่ๆจะมารายงานให้ทราบต่อไป ครับผม   


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น