วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

แม่น้ำเจ้าพระยา

แม่น้ำเจ้าพระยา
 
 ที่มาของชื่อเจ้าพระยา
ภาพแม่น้ำเจ้าพระยา
แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นแม่น้ำสายหลักสายหนึ่งของประเทศไทย รวมตัวจากแม่น้ำสายหลัก 4 สายจากภาคเหนือ ได้แก่ แม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน โดยไหลมารวมตัวกันที่ปากน้ำโพ รวมเป็นสายเดียว และไหลออกสู่อ่าวไทยที่ปากน้ำ จ.สมุทรปราการ โดยเรียกรวมว่า "แม่น้ำเจ้าพระยา" แม่น้ำอันเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของแผ่นดินสยาม
สำหรับที่มาของชื่อ "เจ้าพระยา" นั้นไม่มีหลักฐานปรากฏชัด สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงบันทึกไว้ในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาว่า "ที่เราเรียกกันว่าปากน้ำเจ้าพระยาทุกวันนี้ แต่โบราณเรียกว่าปากน้ำพระประแดง ภายหลังเมื่อแผ่นดินงอกห่างออกไปไกล เมืองพระประแดงจึงเรียกว่า ปากน้ำบางเจ้าพระยา"
ด้าน ม.ร.ว.ศึกฤทธิ์ ปราโมช เคยเล่าถึงแม่น้ำเจ้าพระยาว่าเริ่มต้นที่จุดรวมของแม่น้ำน่าน และแม่น้ำปิง ที่ปากน้ำโพ นครสวรรค์ ไปสิ้นสุดไหลออกทะเลที่ปากน้ำเมืองสมุทรปราการ ตำบลตรงที่แม่น้ำนี้ไหลออกทะเลนั้นเคยมีชื่อว่า "เจ้าพระยา" ชื่อตำบลนั้นก็เลยใช้เรียกชื่อแม่น้ำทั้งสายว่า "แม่น้ำเจ้าพระยา" เช่นเดียวกับที่เอาชื่อตำบลที่แม่น้ำสายอื่นๆ ไหลออกสู่ทะเลเรียกเป็นชื่อแม่น้ำ เช่น แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง เป็นต้น
ข้อมูลจากนักค้นคว้าศึกษาโดย เอนก นาวิกมูล กล่าวว่าเจ้าพระยามีสาขาแยกออกไปหลายสาย เช่น แยกไปทางชัยนาท สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสาคร เรียกเป็นแม่น้ำมะขามเฒ่า แม่น้ำสุพรรณบุรี แม่น้ำนครชัยศรี และแม่น้ำท่าจีน ต่างออกไปตามลำดับ แยกออกไปอีกสายหนึ่งเรียกว่าแม่น้ำลพบุรี ส่วนที่เป็นลำคลองเชื่อมเจ้าพระยากับแม่น้ำอื่นก็มี เช่น คลองบางแก้ว คลองบางโผงเผง คลองรังสิต คลองบางบัวทอง คลองดาวคะนอง คลองพระโขนง คลองสำโรง เป็นต้น
แม่น้ำเจ้าพระยาช่วงล่างคดเคี้ยวกว่าตอนบน ด้วยแผ่นดินค่อยๆ ลาดลง สายน้ำไหลช้าจนบางแห่งวกวนกลายเป็นรูปเกือกม้า เอกสารจากอดีตทำให้เห็นภาพน้ำเซาะแผ่นดินจนกลายเป็นเกาะเล็กๆ หลายแห่ง เรื่องเกาะในลำน้ำเจ้าพระยา และลำคลองที่เรียกกันทุกวันนี้ว่าคลองบางกอกน้อย คลองบางกอกใหญ่ แต่ก่อนโน้นก็เคยเป็นตัวแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลคดเคี้ยวไปมา แต่เหตุที่แม่น้ำมากลายเป็นคลองก็เพราะลำน้ำช่วงนี้เดิมอ้อมมากนักจนมีเรื่องเล่าในหนังสือพิมพ์บางกอกรีคอร์เดอร์ฉบับแรกของปี พ.ศ.2408 (เข้าใจกันว่าเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ว่า แม้ลืมหม้อข้าวไว้ที่ทางเหนือน้ำ อ้อมแม่น้ำไปทางซ้าย จนตกเย็น ลงมาถึงอีกคุ้งหนึ่ง นึกขึ้นได้ว่าลืมหม้อข้าวไว้ที่คุ้งบน ยังสามารถเดินลัดไปเอาหม้อข้าวมาได้ (ระยะทางไม่กี่กิโลเมตรคือจากสถานีรถไฟบางกอกน้อย ลงไปถึงป้อมวิไชยประสิทธิ์ปากคลองบางกอกใหญ่)
แหล่งที่มา : หนังสือแม่น้ำเจ้าพระยา : มารดาแห่งสยามประเทศ (The Chao Phya River : Mother of Siam) โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ
 
 ความสำคัญของแม่น้ำเจ้าพระยา
ภาพแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นแม่น้ำสายหลักและเป็นแม่น้ำสายสำคัญของประเทศไทย มีความยาวประมาณ 379 กิโลเมตร ไหลผ่านจังหวัดต่าง ๆ หลายจังหวัดบนพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ โดยจังหวัดนครสวรรค์เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ในลุ่มน้ำมากที่สุด รองลงมา คือกรุงเทพมหานคร     ประเทศไทย หรือที่เรียกกันในอดีตว่า "ประเทศสยาม" นั้น เป็นบ้านเมืองเก่าแก่ที่มีการสืบเนื่องทางศิลปวัฒนธรรมแต่โบราณเรื่อยมาเมื่อก่อนมักเข้าใจกันว่าประวัติศาสตร์ไทยนั้นเริ่มต้นจากทิศเหนือลงใต้ จากสุโขทัยมาสู่กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงเทพฯ แต่อันที่จริงแล้วความเป็นบ้านเมืองนั้นเริ่มเกิดขึ้นในที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาก่อน จนภายหลังเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมจึงส่งเสริมให้ชุมชนภายในขยายตัวเกิดเป็นบ้านเมืองหรือรัฐขึ้น แม่น้ำเจ้าพระยา จึงเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่มีบทบาทต่อการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของชุมชนบ้านเมืองในสยามประเทศ ไหลหล่อเลี้ยงชีวิตและแผ่นดินให้อุดมสมบูรณ์มาแต่ดึกดำบรรพ์เป็นแหล่งกำเนิดของศิลปวัฒนธรรม ประเพณีอันมีเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น เป็นเส้นทางคมนาคมค้าขาย อันนำมาซึ่งพัฒนาการทางเศรษฐกิจเป็นเส้นทางถ่ายทอดวัฒนธรรม และเป็นประตูเปิดรับอารยธรรมความเจริญจากภูมิภาคอื่น จึงไม่แปลกใจที่พัฒนาการของสยามประเทศเกิดขึ้นบนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสาขามาโดยตลอด ราชธานีสำคัญ 3 สมัยของไทย คือ กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ ล้วนตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสายหลักนี้ทั้งสิ้น
     แม่น้ำเจ้าพระยา : มารดาแห่งสยามประเทศ (The Chao Phya River : Mother of Siam)

เมื่อหลายพันปีก่อนบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยานี้เคยเป็นทะเลมาก่อน ชายฝั่งทะเลเคยขึ้นสูงถึงบริเวณจังหวัดลพบุรีแม่น้ำเจ้าพระยาสมัยดึกดำบรรพ์จึงยังไม่เป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้ บริเวณที่แม่น้ำสายนี้ไหลผ่าน อาทิ จังหวัดอ่างทอง สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ นั้นล้วนเคยเป็นทะเลมาก่อน ดังที่เคยขุดพบซากปลาวาฬที่บางเขน กรุงเทพฯ
จนเมื่อพันกว่าปีมาแล้ว ก็มีชุมชนบ้านเมืองเกิดขึ้นตามชายขอบอ่าวไทย เช่น เมืองอู่ทอง (สุพรรณบุรี) เมืองนครชัยศรี(นครปฐม) เมืองพระรถ (ชลบุรี) เมืองศรีมโหสถ (ปราจีนบุรี) เมืองดงละคร (นครนายก) และเมืองอู่ตะเภา (สระบุรี) ต่อมาเมื่อเกิดการสั่งสมของตะกอนปากแม่น้ำหลายสายก็เกิดเป็นสันดอนและแผ่นดินใหม่ในที่สุดน้ำทะเลก็ค่อยๆ ถอยร่นลงมาจนมีชายฝั่งทะเลอย่างที่เห็นปัจจุบัน ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันแม่น้ำเจ้าพระยาจึงเปลี่ยนสภาพอยู่เสมอ ทั้งที่เกิดตามธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์ เช่นการขุดคลองลัดเพื่อย่นระยะทางแม่น้ำที่คดเคี้ยวแต่ก่อนแม่น้ำเจ้าพระยายังไม่มีชื่อเรียกว่า "เจ้าพระยา" ชาวยุโรปที่เดินทางเข้ามาในสมัยกรุงศรีอยุธยาก็เรียกแม่น้ำสายนี้ว่าแม่น้ำเฉยๆ ไม่มีชื่อเจ้าพระยา จนกระทั่งปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา จึงมีชื่อเรียกปากแม่น้ำสายนี้ว่า ปากน้ำบางเจ้าพระยา ด้วยเหตุที่มีบางๆ หนึ่งชื่อ บางเจ้าพระยา ตั้งอยู่ที่ปากน้ำ จนในที่สุดก็เรียกแม่น้ำทั้งสายว่า แม่น้ำเจ้าพระยา
ในที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยานี้เริ่มมีมนุษย์เข้ามาตั้งถิ่นฐานราวยุคโลหะหรือเมื่อประมาณ 2,500 ปีมานี้เอง จนกระทั่งเมื่อมีการติดต่อสัมพันธ์กับบ้านเมืองที่อยู่โพ้นทะเลโดยเฉพาะอินเดียและจีน ก็พัฒนาเป็นบ้านเมือง มีกษัตริย์ปกครองเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 7-8 ส่วนในภาคเหนือของไทยนั้นพบชุมชนโบราณน้อยมาก เพิ่งเกิดเป็นบ้านเมืองย่างเข้าพุทธศตวรรษที่ 16 เมืองต่างๆ ในที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อราวพันกว่าปีก่อนนั้นกระจายกันอยู่ตามลำน้ำสำคัญ เช่น เมืองอู่ทองและเมืองนครชัยศรีในลุ่มน้ำท่าจีน เมืองคูบัวในลุ่มแม่น้ำกลอง เมืองละโว้ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เมืองศรีมโหสถในลุ่มน้ำบางปะกง และเมืองศรีเทพในลุ่มน้ำป่าสัก โดยเมืองเหล่านี้ต่างเป็นอิสระและสัมพันธ์กันในลักษณะเป็น "สหพันธรัฐ" จนเมื่อจีนเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา การค้าในเอเชียก็เฟื่องฟูขึ้น ส่งผลให้เมืองที่อยู่ใกล้ทะเลพัฒนาเป็นเมืองท่าค้าขายที่สำคัญขึ้นมา และมีความต้องการสินค้าจากบ้านเมืองภายในมากขึ้นเกิดการขยายเส้นทางการค้าระหว่างเมืองท่ากับเมืองภายในเกื้อหนุนซึ่งกันและกันโดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาแม่น้ำสาขาเป็นเส้นทางคมนาคมสายหลัก มีผลให้เกิดรัฐขึ้น ทั้งที่เป็นเมืองท่า ได้แก่เมืองอโยธยาซึ่งจะพัฒนาต่อไปเป็นกรุงศรีอยุธยา และเมืองภายในได้แก่ สุโขทัย และเชียงใหม่ ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นศูนย์กลางอำนาจของแคว้นสำคัญภายใน 2 แห่งคือแคว้นสุโขทัยกับแคว้นล้านนา 
แหล่งที่มา : หนังสือแม่น้ำเจ้าพระยา : มารดาแห่งสยามประเทศ (The Chao Phya River : Mother of Siam) โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ
 
 ต้นกำเนิดแม่น้ำเจ้าพระยา
ต้นกำเนิดแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำเจ้าพระยา มีต้นกำเนิดจากแม่น้ำ 4 สาย ที่ไหลมารวมกัน คือ แม่น้ำปิง วัง ยม และน่าน ดังนี้
  • แม่น้ำวังไหลมาบรรจบกับแม่น้ำปิง ที่อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก
  • แม่น้ำยมไหลมาบรรจบกับแม่น้ำน่าน ที่อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์
  • แม่น้ำปิงไหลมาบรรจบกับแม่น้ำน่านเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์
  • จากนั้นจึงไหลมาบรรจบกับแม่น้ำสะแกกรังบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี
  • แยกออกเป็นแม่น้ำท่าจีนทางฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา ในเขตอำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท
  • ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำป่าสัก บริเวณอำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • ไหลผ่านกรุงเทพมหานครและลงสู่อ่าวไทยในเขตจังหวัดสมุทรปราการ
แหล่งที่มา : หนังสือแม่น้ำเจ้าพระยา : มารดาแห่งสยามประเทศ (The Chao Phya River : Mother of Siam) โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น